10 อันดับ หูฟังราคาแพงที่สุดในโลก 2019 แพงที่สุดเหยียบล้านบาท !!!!

By สุโสภาภรณ์ แดงอุบล

หูฟังราคาแพงที่สุด ในโลก ตั้งแต่ราคาแพงหลักแสน ถึงราคาแพงหลักล้าน ข้อมูลจากทาง WITH Billboard Thailand วันนี้แปลงจากราคา USD เป็น THB ไว้ให้ พร้อมกับเรียงอันดับหูฟังราคาแพง 1 – 10 ให้แล้ว ว่าแต่จะมีหูฟังยี่ห้ออะไรที่แพงที่สุดในตอนนี้ เพื่อน ๆ ลองเลื่อนลงไปดูพร้อม ๆ กันนะครับ

Re-cap อันดับ 6 – 10 จากคราวที่แล้วกันคร่าวๆตามนี้

และ เพื่อความเข้มข้นของ 5 หูฟังราคาแสนแพงอันดับสุดท้าย เราจะมาประมาณให้ด้วยว่าเงินที่จะนำมาซื้อหูฟังราคาแพงสุด ๆ เหล่านี้สามารถแปรรูปนำมาซื้อเป็นสิ่งของอื่นใดใดได้อีกบ้าง ” หูฟังยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง ”

หูฟังแพงที่สุด จาก Ultrasone ได้ทำการฉลองครบรอบ 10 ปี หูฟังด้วยรุ่น Edition 5 – Limited หรือเพื่อน ๆ จะเลือกซื้อรุ่น Unlimited ที่ใช้ลำโพงพร้อมกับเทคโนโลยีของ S-Logic® EX ซึ่งแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ ก็ได้ ด้วยราคาที่ถูกกว่าถึง ( 100,000 บาท ) ส่วนเหตุผลที่หูฟังของรุ่น Limited นี้แพงกว่าก็เพราะว่าได้จัดทำขึ้นมาพิเศษ จำนวนจำกัดเพียง 555 อันทั่วโลก และได้เลือกใช้วัสดุเกรดโคตรมหากาฬของความพรีเมี่ยมกว่ารุ่นปกติ

อย่างเช่น ไม้ที่ใช้ทำตัวครอบหู ได้ถูกนำเอามาจากต้นโอ๊คที่มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี ในส่วนของโลโก Ultrasone ก็ได้ทำจากอลูมิเนียมที่นำมาตัดเข้ากับเลเซอร์ จากนั้นจึงได้นำมาเคลือบเงาถึง 7 ชั้น แล้วนำมาประกบกับส่วนที่ถูกคาดหัวที่ได้ทำการใช้อะลูมิเนียมชุบผิว และก่อนที่จะทำการหุ้มฟองน้ำ ในส่วนที่แนบกับหูของเพื่อน ๆ ด้วยหนังแกะขนยาวจากทางประเทศเอธิโอเปีย – โอโห้อะไรจะแพงดีขนาดนั้น…

ในบรรดา หูฟังราคาแพง 5 อันดับแรก หูฟังยี่ห้อ Sonorous X อาจจะเป็นหูฟังที่มีคะแนนรีวิวน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับหูฟังยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งบางที่ก็ได้บอกเลยว่าให้รีวิวเท่ากับ หูฟัง Grado PS500 ที่มีราคาเพียง 25,000 บาทเท่านั้นเอง ซึ่งราคาของหูฟัง Sonorous X ถูก hype ขึ้นมานั่นก็เพราะว่าการจำกัดจำนวนที่ส่งออก ณ ปัจจุบันของทาง ที่ถูก Sonorous X ผลิตมาแล้ว 137 อัน และได้ส่งกระจายไปเท่า ๆ กันให้กับตัวแทนจำหน่ายของแต่ละทวีป

โดยที่เพื่อน ๆ มาสามารถมองหาราคาอ้างอิงใน internet ได้เลยง่าย ๆ – ซึ่งนั่นหมายความว่า อำนาจแห่งการตั้งราคาท้ายสุด เราต้องไปวัดกันที่หน้าร้านของทางตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ – และเท่าที่ค้นข่าวลือเจอ พบว่าในบางประเทศราคาแพงที่สุดสูงไปถึง 200,000 – 250,000 บาท) กันเลยทีเดียว

3 . หูฟังแพง หูฟังยี่ห้อ Abyss – AB-1266 หูฟังราคาแพงที่สุดอีกหนึ่งตัว ที่มีราคาสูงถึง (197,000 บาท หรือ เพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อที่ดินเปล่า ขนาด 40 ตารางวา กันที่อยู่ แถว ๆ ถนนบางน้ำเปรี้ยว – องครักษ์ ในย้านจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จำนวนหนึ่งแปลง)

หูฟังแพง สำหรับหูฟังที่มีราคาแพงที่สุดในอันดับ 3 คือ หูฟังยี่ห้อ AB-1266 เป็นยี่ห้อที่เคยครองแชมป์แพงที่สุดในเมื่อปี 2013 จากการจัดอันดับของทาง พร้อมคำโปรยกันง่าย ๆ ที่ว่า “ถ้าคุณได้ลองใส่หูฟัง AB-1266 ฟังอัลบั้มที่บันทึกเสียงมาอย่างมีคุณภาพ ก็จะเหมือนเพื่อน ๆ ได้เข้าไปนั่งอยู่ในห้องที่วงดนตรีกำลังเล่นสด ๆ อยู่กันเลยทีเดียว” ในส่วนของดีไซน์แบบก้านหูฟังสี่เหลี่ยมมีส่วนที่แปลกตากว่าหูฟังรุ่นอื่น ๆ อยู่

นั้นก็เพราะทาง Abyss ต้องการให้หูฟังมีความระนาบกับหูของผู้ใช้ และไม่บีบรัดหูของเพื่อน ๆ ตลอดเวลาไม่ว่าเราจะทำการปรับหมุนไปมุมไหนก็ตาม และถ้านั่นยังเป็นความสบายที่ยังไม่เพียงพอ หูฟังรุ่นนี้ยังได้เลือกใช้หนังแกะห่อหุ้มฟองน้ำเป็นส่วนดี ๆ ที่ถูกสัมผัสกับหูคุณอีกด้วย (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้ทำการเลือกใช่แกะตัวเดียวกับหูฟัง Ultrasone Edition 5 ใช้อยู่หรือเปล่า?)

2. หูฟังราคาแพงยี่ห้อ V-Moda Crossfade Wireless (เป็นหูฟังที่มีราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท ซึ่งสามารถบวกเพิ่มได้แล้วแต่เพื่อน ๆ จะบ้าสั่ง)

หูฟังราคาแพงยี่ห้อ V-Moda Crossfade Wireless สำหรับหูฟังรุ่นท๊อปยี่ห้อนี้ ที่เพื่อน ๆ จะสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปได้เลยก็คือ เป็นหูฟังที่มีปุ่มให้ปรับเยอะ มีส่วนของบลูทูธ แถมยังมีไมค์ในตัวอีกด้วย คุณภาพสมกับราคาเริ่มต้น ที่มีราคาตั้งแต่ประมาณ 10,000 บาทไทย อันที่จริงทาง V-Moda เป็นหูฟังที่ไม่ควรจะติดเข้ามาในการจัดอันดับครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ

นั่นก็เป็นเพราะรู้ว่า การส่งสัญญาณเสียงผ่านบลูทูธไร้สายนั่นยังย่อมไม่มีทางคมชัดได้เท่ากับหูฟังที่ส่งผ่านสายสัญญาณราคาหลายพันและ และรวมไปถึงหูฟังราคาแพงระดับนี้ไม่มียี่ห้อไหน ๆ ใส่ไมโครโฟนหรือปุ่มกดอะไรเยอะเยะ มาให้มีความรกรุงรังหรอก มันควรจะต้องมาพูดถึงเทคโนโลยีเกี่ยวกับเสียงล้วน ๆ กันแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้หูฟังของ Crossfade Wireless ติดเข้ามาในอันดับนี้ด้วย นั่นก็เป็นเพราะคนที่สั่งซื้อหูฟังยี่ห้อแสนแพงนี้จะได้สิทธิ์ในการเลือกลวดลาย 3D print ลายอะไรก็ได้ ลงบนโลหะอะไรก็ได้ ที่ใช้ทำฝาครอบหูฟัง และ option ที่แพงที่สุด (ที่เชื่อได้เลยว่ามีคนจริงๆ) คือ พลาตินั่ม ซึ่งนั่นทำให้ราคาไหลไปจบได้ที่คู่ละหลายแสนบาทได้สบายๆ

หูฟัง Honorable mention : FRENDS with Dolce & Gabbana Collection ราคา (300,000 กว่าบาท หรือเพื่อน ๆ สามารถถอยบิ๊กไบค์ของยี่ห้อ Ducati Scrambler 400cc มาขับหล่อ ๆ กันได้เลยหนึ่งคัน)

ดังนั้น ถ้าหูฟังยี่ห้อ V-Moda จึงติดอันดับด้วย และถ้าจะให้ไม่พูดถึงหูฟังที่เพิ่ง sold out ไปจนกลายเป็นข่าวที่ครึกโครมกันใหญ่ ก็คงจะกะไรอยู่ จึงขอแนะนำงานดี ๆ อย่าง collaboration ของดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เจ้าของชื่อ Dolce & Gabbana กับบริษัทผู้ผลิตหูฟังไฮโซอย่าง FRENDS หูฟังมงกุฎหรูหราสีทองคำ ซึ่งได้ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ ประกอบกับไข่มุกแท้ หนังแท้ที่ถูกย้อมสีทอง

ทุกคู่ได้ถูกประกอบด้วยมือช่างฝีมือผู้ชำนาญการในอิตาลี – สำหรับเรื่องคุณภาพเสียงไม่รู้จริง ๆ เหมือนกันค้นแล้วไม่เจอว่ามีเจ้าไหนได้ทำการซื้อมารีวิวเลย แต่ถ้าให้เดาสุ่ม ๆ เราควรจะมองหูฟังตัวนี้ให้เป็นสินค้าแฟชั่นที่มีค่า หรือเครื่องประดับสวย ๆ มากกว่าจะมาขุดคุ้ยกันถึงคุณภาพของเสียง

1 . หูฟังราคาแพงที่สุดในโลก ยี่ห้อ Sennheiser Orpheus HE1060 ราคา (1,970,000 บาท หรือ เพื่อน ๆ สามารถซื้อ Ford Everest ตัว Top แล้วยังมีเงินเหลือค่าน้ำมันไปอีก 2 ปี )

หูฟังราคาแพงที่สุดในโลก หูฟังดี ๆ จากยี่ห้อ Orpheus HE1060 ไม่ได้แพงเพราะ hype กันไปเอง และก็ไม่ได้แพงเพราะยัดวัตถุดิบราคาแพงๆลงไป แต่ที่เป็นราคาหูฟังราคาแพงนั่นก็เพราะว่านี่คือศูนย์รวบรวมทั้งหมดของเทคโนโลยีการทำหูฟังของทางบริษัท Sennheiser ที่ได้กลั่นกรองออกมาให้เพื่อน ๆ ได้เป็นเจ้าของกันอย่างมีคุณภาพ

และตั้งแต่ในอดีตปี 1991 ทาง Orpheus HE90 ที่เป็นโมเดลต้นฉบับ เคยได้วางขายมาแล้วครั้งหนึ่งในราคา 600,000 บาท โดยประมาณ ซึ่งก็ได้ทำการขายหมดเกลี้ยง 300 ชุดหูฟัง อีกทั้งราคาขายต่อมือสองก็ทำเอาแพงทะลุราคาซื้อไปอีกสองเท่าตัว ทำให้เป็นการการันตีว่า หูฟังตัวนี้เป็นตัวจริง ที่ไม่ได้ทำออกมาวางขายกันเล่น ๆ นั่นเอง

เรามาทำความเข้าใจกันก่อน เพื่อน ๆ จะทำการเอาหูฟัง Orpheus เสียบเข้า iPhone แล้วกดฟังเลยตรง ๆ ไม่ได้นะครับ เนื่องจากมันเป็นหูฟังที่มาในรูปแบบไฟฟ้าสถิตย์เหมือนกับหูฟังยี่ห้อ SHURE ในข้อ 8. และ หูฟังนี่ห้อ STAX ในข้อ 6. หูฟังประเภทนี้จะต้องมีอุปกรณ์ฟังแบบขับเสียงที่ถูกต้องเพื่อใช้งาน

ซึ่งนั่นก็ทำให้กลายเป็นที่มาของกล่องลายหินอ่อนที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นทั้ง pre-amp และนอกจากนี้ยังเป็น power-amp ให้กับหูฟังอันนี้ สำหรับหูฟัง Orpheus HE1060 ไม่ได้ผลิตมามีจำนวนจำกัดเหมือนกับรุ่นแรก ๆ เพียงแต่อาจจะมีปัญหาในการผลิตได้ช้าหน่อย

เนื่องจากว่า กว่าที่จะได้มาเป็นหูฟังแต่ละอันครบเซ็ท Sennheiser ถูกเคลมแล้วยกว่าต้องใช้แรงงานถึง 50 คน และมีกำลังการผลิตไม่สูงมากนักแค่เพียง 250 อันต่อหนึ่งปีเท่านั้น และก็ไม่แน่นะ ในอนาคตการใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาทอาจจะไม่ใช่อุปสรรคที่จะเข้ามาขวางกั้นเพื่อน ๆ กับการนำคุณภาพเสียงที่ทางทุกสำนักได้รีวิวให้คำนิยามว่าเป็น ”หูฟังที่ดีที่สุดในโลก” มาสู่หูเพื่อน ๆ ในต่อไป

เพิ่มความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับเรื่องราวหูฟังดีๆในวันนี้