จะเลือกซื้อเครื่องเสียงอย่างไรดี

By สุโสภาภรณ์ แดงอุบล

เมื่อจะเลือกซื้อเครื่องเสียงไว้ประจำบ้านสักชุด คงจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากอยู่ไม่น้อย ว่าจะพิจารณาอย่างไร ด้วยเหตุว่ามีเครื่องเสียงมากมายหลากหลายยี่ห้อ หลายระดับราคา ให้เลือกเต็มไปหมด ระดับราคาเท่าไหร่จึงจะคุ้มค่า ทำไมสเป็คเท่ากันทุกอย่างแต่ราคาต่างกันเป็นสิบเท่า เสียงดีหรือไม่ดีตัดสินจากอะไร

เจอคำถามตัวเองเข้าอย่างนี้ ทำให้มึนงง พาลเลิกคิด หยุดโครงการไว้ก่อน หรือไม่ก็หาข้อมูลจากรีวิว อันนี้ก็เสร็จแบรนด์ใหญ่เพราะเขามีงบรีวิวเยอะ บางคนก็อาจคิดว่าซื้อๆไปเลย เอาราคาอยู่ในงบ แบรนด์คุ้นหูเป็นพอ อะไรก็ใช้ได้เหมือนกันในเมื่อฟังไม่ออกแล้วจะไปลองฟังให้ปวดหูทำไม

ถ้าฟังไม่ออกก็ดีนะสิครับ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องซื้อของแพงๆ อันไหนถูกสุด หน้าตาสวยก็จิ้มไปเลย แต่พอยกกลับมาฟังที่บ้าน 3-4 วันแรก เสียงดีขึ้นเรื่อยๆ โอเคพอใจ แต่ฟังไปได้สักสองอาทิตย์ เอ..ทำไมเสียงแบนๆคมๆ เสียงทุ้มก็อื้ออึงน่ารำคาญ เสียงนักร้องก็ห้วนๆไม่มีลูกคอ เสียงเหมือนหลบอยู่หลังตู้ ชอบเสียงวิทยุกระเป๋าหิ้วที่เคยฟังสมัยเด็กๆมากกว่า

นี่ล่ะ….คืออาการฟังไม่ออก คือฟังที่ร้านไม่ออก เพราะว่าฟังแป๊บเดียว และมีเสียงรบกวนข้างเคียงมากมาย แต่ฟังที่บ้าน ฟังนานๆ ฟังทุกวัน จะฟังออกทุกคนครับ เพียงแต่ใช้เวลานาน เครื่องเสียงยุคนี้มักจะออกแบบให้เสียงสดพุ่งแรง เพื่อเวลาลองฟังที่ห้างร้านที่มีเสียงรบกวนเยอะ จะได้ยินเสียงคมชัด แต่พอเอากลับไปฟังที่บ้าน มันจะชัดเกินจนรบกวนประสาท และก็เป็นความจริงเสียด้วยที่วิทยุกระเป๋าหิ้วสมัยก่อนอาจจะเสียงดีกว่า

กลับมาเรื่องราคา ทำไมสเป็คเท่ากัน ขนาดเท่ากัน แต่ราคาต่างกันหลายเท่า แล้วเสียงจะดีกว่าหลายเท่ามั้ย ความจริงคือในทุกระดับราคา จะมีทั้งของดีและของไม่ดี ถ้ามีเงินเยอะก็ตัดสินใจง่ายๆคือเลือกเอาแบรนด์ดังรุ่นแพงไว้ก่อน แต่ถ้าไม่มีเงินเยอะก็ต้องหาข้อมูลเยอะๆ ลองฟังเยอะๆ อาจจะได้ของดีราคาถูก

ยุคนี้แม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ยังผลิตของราคาถูกลดคุณภาพออกมาขายเพื่ออยู่รอด แล้วก็ผลิตรุ่นดีๆมาขายด้วย แต่แพงหูฉี่ เพราะฉนั้นจะดูแค่ชื่อแบรนด์ไม่ได้ ถ้าคิดว่าอุ่นใจเรื่องเซอร์วิส เวลาส่งซ่อม รอ 7 วันเพื่อเปิดเครื่อง อีก 7 วันเพื่อเช็คจุดเสียและตีราคา 15 วันแล้วยกกลับไม่ได้ซ่อมเพราะค่าซ่อมแพงเกิน ซื้อเครื่องใหม่คุ้มกว่า เครื่องเก่าก็ไม่กล้าทิ้ง วางไว้ให้แม่บ้านบ่น

ยังมีเครื่องเสียงอีกกลุ่มนึงที่ผลิตขึ้นเพื่อขายนักฟังที่ชอบเล่นเครื่องเสียง ที่เรียกกันว่า”ออดิโอฟายล์” เครื่องเสียงกลุ่มนี้ก็เรียกตัวเองว่า”ไฮเอ็นด์” ซึ่งผลิตเฉพาะเครื่องเสียง มักจะมีราคาแพงกว่าเครื่องเสียงแบรนด์ใหญ่ที่ผลิตเครื่องไฟฟ้าอื่นด้วย สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเล่นเครื่องเสียง ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะเครื่องเสียงกลุ่มนี้มีราคาแพงมาก แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับแนวเพลงที่คุณชอบ หรืออาจจะไม่เหมาะกับพฤติกรรมการฟังเพลงของคุณเลย

เครื่องเสียงไฮเอ็นด์เริ่มกำเนิดมาในช่วงยุค 1980s คำว่า Hi-End สำหรับเครื่องเสียงไม่ได้หมายความว่าเสียงจะดีไปกว่าเครื่องเสียงที่มีอยู่แต่ก่อนนะครับ แต่หมายถึงว่า ใช้วัสดุอุปกรณ์ชนิดแพงที่สุด เทคโนโลยีการผลิตทันสมัยที่สุด ประณีตที่สุด การบริการดีที่สุด(ผู้ขายบอก) ทำให้ราคาขายแพงที่สุดไปด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงไพเราะที่สุด ไม่อย่างนั้นจะมีคนอีกกลุ่มเล่นเครื่องเสียงวินเทจได้อย่างไร ซึ่งเครื่องเสียงวินเทจรุ่นใหญ่ๆก็แพงไม่แพ้ไฮเอ็นด์