แนะนำ 10 อันดับ หูฟัง True Wireless หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2021 เสียงดี เบสหนัก คมชัด

By สุโสภาภรณ์ แดงอุบล

ต่อไปจะเป็นการแนะนำหูฟังแบบไร้สาย 10 อันดับนะครับ โดยทางทีมงานได้จัดอันดับจากการอ่านรีวิวและคะแนนของตัวผลิตภัณฑ์จากผู้ใช้งานจริง ไปดูกันดีกว่าว่ามีแบรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง

….

เริ่มกันที่อันดับแรก ตกไปอยู่กับหูฟังตัวนี้ Klipsch T5 True Wireless เป็นหูฟังที่มาจากสหรัฐอเมริกา โดยอย่างแรกที่เห็นได้แบบเด่นชัดมากนั่นก็คือ ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ออกแบบได้ลงตัวมาก ๆ ราวกับ Love At First Sight กันเลยทีเดียว ด้วยตัวเคสทำมาจากอะลูมิเนียมเกรดดี สีเงินเด่นชัด ที่สลักชื่อแบรนด์ Klipsch และข้อความ ESTABLISHED 1946 USA ไว้ด้านหน้า ทำให้ดูเท่ ดูคูลสุด ๆ ส่วนหูฟังมีสีดำ ตัดกับตัวเคสได้ลงตัว พอมาร่วมกันแล้วทำให้หูฟังและเคส Klipsch T5 นี่ดู Retro หน่อย ๆ โดดเด่น แตกต่างออกมาจากหูฟังแบรนด์อื่น ดูไปเหมือนเคสของไฟแช็กตามหนัง Holly wood ที่พระเอกใช้จุดบุหรี่เหมือนกันนะครับ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกันแบบสุด ๆ

▼▼ หูฟังไร้สาย Sony WF-1000XM3 True Wireless Earbuds ▲▲

….

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ Power Buy

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ SHOPEE

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ LAZADA​

……..

หูฟัง Sony WF-1000XM3 ด้วยชื่อเสียงที่มีมานานของ Sony ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม Sony ถึงได้ติดอันดับต้น ๆ ตัวหูฟังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Noise Cancellation ที่ทาง Sony เคลมว่า เป็นหูฟังแบบไร้สายที่สามารถกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดีสุดในตอนนี้ ” Industry Leading Noise Cancellation ” มาพร้อมด้วยดีไซน์แบบคลาสสิก แต่ยังคงดูทันสมัย เรียบหรู ตรงกับคำว่า Less Is More มาก ๆ มีแบบสีดำและสีเงิน ให้เลือกสรร ตัวหูฟังเป็นแบบ In-ear ที่มีพื้นผิวยางแรงเสียดทานสูง ที่เวลาใส่แล้วจะกระชับกับหูของคุณพอดี หลุดได้ยาก และตัวยางยังช่วยปกกันเสียงรบกวนภายนอกอีกด้วย

ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงก็ทำออกมาได้ดี ด้วยตัว Driver ที่มีขนาดแค่ 6mm แต่ถึงจะเล็ก ทาง Sony เคลมว่า รุ่นนี้มีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ให้เสียงดังฟังชัด และทรงพลัง อีกทั้งยังเสริมเทคโนโลยีด้วย DSEE HX (Digital Sound Enhancement Engine) ที่ทาง Sony กล่าวว่าช่วยยกระดับไฟล์เพลงดิจิตอลที่ถูกบีบอัด ให้มีคุณภาพและความละเอียดของเสียงที่สูงมากขึ้น

ไปดูกันที่แบตเตอรี่บ้าง ตัวหูฟัง Sony WF-1000XM3 เองนั้นเมื่อชาร์จเต็ม สามารถใช้ฟังเพลงได้ถึง 6 ชั่วโมง อาจจะไม่ได้นานเท่าหูฟังไร้สายแบรนด์อื่นแต่ 6 ชั่วโมงนี้ก็ถือว่าเยอะมากพอแล้ว อีกทั้งตัวเคสสามารถชาร์จเก็บพลังงานได้ถึง 18 ชั่วโมง แค่มีหูฟังกับเคสก็สามารถฟังเพลงได้ทั้งวันเลยทีเดียว

มาพูดถึงตัวฟังก์ชันกันบ้าง ขอบอกเลยว่า หูฟัง Sony WF-1000XM3 นี่มีฟังก์ชันหลากหลายที่น่าสนใจจริง ๆ ไปเริ่มกันเลยที่ การวางนิ้วเหนือหูฟังเพื่อลดเสียงโดยตรงได้เลย ไม่ต้องลดกับมือถือ ถือว่าสะดวกมากเมื่อต้องการจะลดระดับเสียงลง การถอดหูฟังออกหนึ่งข้างแล้วเพลงจะหยุดลงชั่วคราว เพราะตัวเซนเซอร์ของหูฟังสามารถตรวจจับได้ว่า กำลังสวมข้างเดียวหรือสองข้าง พอคราวนี้ใส่กลับมาใส่อีกครั้ง เพลงก็จะดำเนินเล่นต่อทันที และตัวที่เด่นที่สุดคือ Sense Engine ที่ทาง Sony เคลมว่า แอป Sony Headphones Connect เป็นสมาร์ตฟังก์ชันที่สามารถควบคุมเสียงให้ปรับตัวไปตามสถานการณ์รอบข้างของคุณได้ เช่น ระหว่างรอคอย ตัวหูฟังจะปรับสภาพทำให้คุณยังสามารถได้ยินเสียงประกาศได้ เป็นต้น

ราคาโดยประมาณ 8,990 บาท น้ำหนักหูฟังข้างละ 8.5g น้ำหนัก charging case 70g การตอบสนองความถี่ 20-20,000 Hz แบตเตอรี่ของหูฟัง 6 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของเคส 18 ชั่วโมง รูปแบบเสียงที่สนับสนุน SBC, AAC ระยะการรับส่งสัญญาณ 10 เมตร

บทสรุป

หากคุณต้องการหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงที่ดีและการป้องกันเสียงรบกวนภายนอกที่ดีเยี่ยม ต้องตัวนี้เลย Sony WF-1000XM3 เป็นหูฟังที่ได้รับการโหวตว่า มี Noise Cancellation ที่ดีที่สุด และตัวหูฟังมาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการฟังเพลงในชีวิตประจำวัน แต่ตัวหูฟังกันน้ำได้ไม่ดี ไม่เหมาะสำหรับใช้ในการออกกำลังกาย และมีราคาที่ค่อนข้างสูง

….

▼▼ หูฟังไร้สาย Powerbeats Pro ▲▲ …. ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ KING POWER ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ SHOPEE ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ LAZADA ….. มาถึงกับแบรนด์ดังที่ส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาแล้ว กับแบรนด์ Beats แบรนด์พันธมิตรกับ Apple นั้นเอง โดยที่ Beats เป็นแบรนด์ที่เด่นมากในเรื่องดีไซน์ของ Headphone ที่ทำออกมาได้มีเอกลักษณ์ ดูเท่ ออกแนวสตรีท เป็นหูฟังแฮดโฟนที่ดังมากในอเมริกา วัยรุ่นอเมริกันชอบใช้กันมาก ใส่หูฟังรุ่นนี้เดินตามท้องถนนเต็มไปหมด ทาง Beats เองได้เล็งเห็นถึง ตลาดของหูฟังไร้สายว่าขยายตัวมากขึ้น ก็เลยลงมาเล่นในตลาดนี้บ้าง โดยส่งหูฟัง Powerbeats Pro มาตีตลาด ด้วยดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เริ่มที่ตัวหูฟังแบบ In-ear มีตราสัญลักษณ์ตัว b ติดที่หูฟัง บ่งบอกถึงแบรนด์ Beats ได้เป็นอย่างดี และมีตัวสายไว้เกี่ยวคล้องกับใบหู ช่วยป้องกันการหลุด และตกลงพื้น มาพร้อมด้วยสีดำสนิททุกส่วน ร่วมถึงเคสด้วย เป็นสีดำด้าน ดูเรียบหรูคลาสสิก ถ้าไม่ชอบสีดำ ทาง Beats เองก็มีสีสันให้เลือกเพิ่มเติมอีกสามสี ขาว เขียวขี้ม้า และสีน้ำเงินเนวี่ ให้เลือกอีกด้วย ส่วนด้านคุณภาพเสียงตัวหูฟัง Powerbeats Pro จัดมาด้วย Driver แบบ Piston Driver ที่เป็นการผสมกันของ Driver แบบไดนามิก ทาง Beats บอกต่อด้วยว่า Driver ลักษณะนี้ให้เสียงที่มันส์ฟังชัด เน้นบีทแบบแน่น ๆ ถ้าชอบฟังเพลงแนว EDM หรือ Dance ละก็ได้ ตัวหูฟังนี้ตอบโจทย์สุด ๆ ฟังเพลงมันส์แน่นอน และเชื่อมต่อด้วย Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 และ ทางBeats ได้ใส่ Chip Apple H1 ที่ช่วยในการเชื่อมต่อ ทำให้หูฟังตัวนี้เชื่อมต่อได้ดีกับฝั่ง iPhone ดีกว่าฝั่ง Andriod คุณภาพเสียงและสัญญาณจะคมชัดกว่า คุณภาพของแบตเตอรี่ก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ตัวหูฟังสามารถเล่นเพลงได้ยาวนานถึง 9 ชั่วโมง และตัวเคสให้พลังงานเพิ่มอีก 24 ชั่วโมง ตัวเคสอาจจะเก็บพลังงานได้ไม่เยอะเท่าแบรนด์อื่น แต่แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานในหนึ่งวัน ส่วนด้านฟังก์ชันแน่นอนว่าทาง Beats ได้ใส่มาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการกันน้ำ IPX4 ที่ช่วยกันเหงื่อได้ดี ซึ่งทาง Beats เคลมว่า หูฟังตัวนี้เป็นหูฟังที่ตอบโจทย์สำหรับใช้ในการออกกำลังกายมากที่สุด และตัวหูฟังยังสามารถแยกการทำงานจากกันได้ด้วย สามารถฟังเพลงข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ อีกทั้งยังสามารถปรับเพิ่มลดเสียงได้ที่หูฟังโดยตรงเลย สะดวกสบายยิ่งขึ้น และพิเศษตรงที่ถ้ากดค้างตรงตัว b โลโก้ของแบรนด์ที่หูฟัง จะเป็นการกันไม่ให้มีสายโทรเข้ามาได้ เพื่อความต่อเนื่องในการออกกำลังกายและการใช้งาน ราคาโดยประมาณ 8,000-9,000 บาท น้ำหนักหูฟังข้างละ 10.5g น้ำหนัก charging case 109g การตอบสนองความถี่ n/a แบตเตอรี่ของหูฟัง 9 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของเคส 24 ชั่วโมง รูปแบบเสียงที่สนับสนุน AAC Wireless range 10 เมตร

บทสรุป หูฟังตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่ใช้มือถือ iPhone เนื่องด้วยการเชื่อมต่อที่ง่าย และ Chip Apple H1 ที่เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นหูฟังที่เหมาะกับผู้ที่ชอบเข้ายิม ออกกำลังกาย หรือชอบวิ่งฟังเพลงตามสวนสาธารณะหรือท้องถนน และมาพร้อมด้วยเสียงบีทที่หนักแน่น ใครสาย EDM สาย Dance ต้องไม่พลาดกับหูฟังรุ่นนี้ …. ▼▼ หูฟังไร้สาย Bose SoundSport Free ▲▲ …. ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ SHOPEE ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ LAZADA​ …….. Bose เป็นแบรนด์มีชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตเครื่องเสียงที่มีคุณภาพมาอย่างยาวนาน หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว คราวนี้ทาง Bose ลงมาเล่นตลาดของหูฟังไร้สายกันบ้าง โดยส่งหูฟัง Bose SoundSport Free เข้าประกวด มาพร้อมกับดีไซน์ในรูปแบบเรียบง่าย ดูแข็งแรง เน้นการใช้งาน โดยที่หูฟังเป็นแบบ In-ear ทางเอ็นจิเนียร์ของ Bose ได้ออกแบบให้ตรงปลายหูฟังด้วยเทคโนโลยี StayHear+ Sport ที่ทาง Bose เคลมว่าจะช่วยกระชับปลายหูฟังในรูหู และเพิ่มคุณภาพของเสียงที่ได้ยิน อีกทั้งจะมีตัวครีบไว้ติดกับที่ใบหูด้านนอกชั้นในช่วยซัพพอร์ตไม่ให้หูฟังตกหล่น ด้านสีสันมีสีให้เลือกอยู่สามสี คือ ดำ น้ำเงิน และส้มสว่าง โดยที่ตัวหูฟังและตัวเคสจะมีสีเดียวกัน ทำให้ภาพโดยรวมมองดูแล้วไม่ขัดตา ด้านคุณภาพเสียงของ Bose จากชื่อเสียงและความชำนาญในวงการหูฟัง มั่นใจได้ว่าเสียงจากหูฟัง Bose SoundSport Free นั้นมีคุณภาพดีอย่างแน่นอน ยิ่งขา Dance และสาวก EDM ทั้งหลายต้องถูกใจเป็นพิเศษเพราะเสียงดีเทลเด่นชัด บีทมาเป็นลูก ๆ กันเลยทีเดียว ไปดูด้านแบตเตอรี่ของหูฟัง Bose SoundSport Free กันบ้าง โดยที่ตัวหูฟังสามารถเล่นเพลงต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมง และตัวเคสจะช่วยชาร์จได้อีก 10 ชั่วโมง คือ สามารถชาร์จหูฟังได้สองรอบ รวมทั้งหมดแล้วได้ที่ 15 ชั่วโมง ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน้อยกว่ามาตรฐานที่ส่วนใหญ่ประมาณ 20 ชั่วโมง ส่วนด้านฟังก์ชันมีฟังก์ชันพื้นฐานอยู่ครบ โดยการกันน้ำนั้นอยู่ที่ IPX 4 กันเหงื่อได้ดีเลยทีเดียว ตัวหูฟังสามารถปรับเพิ่มลดเสียงได้ที่ตัวมันเอง สะดวกสบายและง่ายโดยที่ไม่ต้องไปปรับที่มือถือ และ Bose SoundSport Free มาพร้อมตัวแอป The Bose Connect App ที่ช่วยให้การจัดการและตั้งค่าต่าง ๆ ได้สะดวกและจบได้ในแอปเดียว และตัวแอปยังใช้ค้นหาตำแหน่งของหูฟังได้ด้วย ไม่ต้องกลัวทำหายกันเลย ราคาโดยประมาณ 11,000 บาท น้ำหนักหูฟัง 9g น้ำหนัก charging case 80g การตอบสนองความถี่ n/a แบตเตอรี่ของหูฟัง 5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของเคส 10 ชั่วโมง รูปแบบเสียงที่สนับสนุน n/a Wireless range 10 เมตร บทสรุป ทาง Bose เองได้ออกแบบตัวหูฟังรุ่นนี้ขึ้นมาเพื่อเน้นกลุ่มนักกีฬาโดยเฉพาะ เป็นหูฟังที่เหมาะสำหรับใช้ระหว่างเข้ายิมและออกกำลังกาย พร้อมทั้งการกันเหงื่อและน้ำระดับ IPX4 มั่นใจได้ว่าหูฟังไม่เสียจากน้ำแน่นอน แต่เวลาสวมใส่แล้วจะรู้สึกอึดอัดที่ตรงหูซักนิด และด้วยราคาที่แพงมาก ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่กำลังอยากลองซื้อหูฟังไร้สายมาใช้ ไปลองเริ่มเล่นจากตัวอื่นจะดีกว่า …. ▼▼ หูฟังไร้สาย Samsung Galaxy Buds ▲▲ …. ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ SHOPEE ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ LAZADA​ …….. อันดับก่อนหน้าเจอหูฟังแบรนด์ Apple ไป มาคราวนี้ตาของฝั่งคู่แข่งกันบ้าง กับหูฟังของ Samsung Galaxy ที่ทำออกมาเอาใจผู้ใช้มือถือซัมซุง โดยมีดีไซน์ที่เน้นถึงเรื่องใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ต้องพกพาติดตัวได้ง่าย โดยที่ตัวหูฟังทำมาเป็นแบบ In-ear สีดำล้วน ปลายหูฟังมีที่ให้ใส่ซิลิโคนที่ทางซัมซุงให้มาสามขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ปรับได้ตามขนาดของรูหู ตัวเคสเป็นแบบตลับเปิดปิดสีดำล้วนเช่นกัน ส่วนใหญ่ดีไซน์จะเป็นแบบเรียบ ๆ Minimal เน้นให้ง่ายเข้าไว้ แต่ถ้าไม่ชอบสีดำ ทางซัมซุงยังมีสีขาวและสีเหลืองให้เลือกกันอีกด้วย ปกติจะไม่ค่อยเห็นสีเหลืองเท่าไรนัก ส่วนใหญ่จะเป็นในแนวโทนไม่ขาว ก็ดำ กับเทา ซะมากกว่า ส่วนในเรื่องของคุณภาพเสียงทางซัมซุงเคลมว่า ได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของ AKG ช่วยปรับจูนตัว Driver แบบไดนามิกของ Galaxy Buds เพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพและความละเอียดสูง สามารถฟังเพลงได้ชัด ไม่มีดีเทลตกหล่นอย่างแน่นอน และมาพร้อมกับการเชื่อมต่อ Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 ที่มั่นใจได้ในเรื่องของสัญญาณว่ามีการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา ด้านแบตเตอรี่ หูฟังรุ่นนี้ก็ทำออกมาได้มาตรฐาน โดยที่ตัวหูฟังเมื่อชาร์จพลังงานเต็ม จะสามารถฟังเพลงได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับขนาดหูฟังขนาดเล็กด้วยกัน ถือว่าเป็นทำออกมาได้ดี ส่วนตัวเคสทำออกมาได้น่าผิดหวังที่สามารถชาร์จพลังงานได้เพียงแค่ 7 ชั่วโมง คือ สามารถชาร์จไฟให้ตัวหูฟังได้แค่รอบเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนแบรนด์อื่นที่ตัวเคสสามารถเก็บพลังงานได้อย่างน้อย 20 ชั่วโมง แต่ตัวหูฟังตัวนี้พิเศษตรงที่ สามารถนำ Samsung Galaxy Buds ไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของซัมซุงตัวอื่นที่สามารถแบ่งปันพลังงานแบบไร้สายได้ ทำให้สามารถชาร์จหูฟังจาก มือถือได้ด้วย เป็นอะไรที่น่าสนใจดีเหมือนกันครับ ส่วนด้านฟังก์ชันก็แน่นอนว่าทางซัมซุงได้มีการใส่ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูดคุยรับสายโดยใช้หูฟังที่มีไมค์คู่ช่วยปรับ เสียงตามสภาพหน้างานและป้องกันเสียงรบกวน ทำให้การพูดคุยลื่นไหลได้ยินเสียงดังฟังชัด แต่ในเรื่องของการกันน้ำ ตัวหูฟัง Samsung Galaxy Buds มีมาตรฐานแค่ IPX2 เท่านั้น อาจจะกันเหงื่อกันน้ำได้แค่ในระดับหนึ่ง ราคาโดยประมาณ 5,000 บาท น้ำหนักหูฟังข้างละ 6g น้ำหนัก charging case 40g การตอบสนองความถี่ n/a แบตเตอรี่ของหูฟัง 6 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของเคส 7 ชั่วโมง รูปแบบเสียงที่สนับสนุน n/a Wireless range 10 เมตร บทสรุป หูฟังตัวนี้ Samsung Galaxy Buds เหมาะกับคนที่ใช้มือถือซัมซุงอย่างไม่ต้องสงสัน เพราะมีการเชื่อมต่อที่ง่ายและรวดเร็ว มีแอปให้จัดการตั้งค่าต่าง ๆ ได้สะดวก ตรงใจผู้ใช้ แต่การกันน้ำไม่ค่อยดี และจำนวนแบตเตอรี่ที่ให้มาของเคสก็น้อยไปนิด แต่ยังมีข้อดีที่สามารถนำหูฟังไปชาร์จกับมือถือที่สามารถแบ่งพลังงานโดยตรงได้ ถือว่าสะดวกไปอีกแบบ ….

▼▼ หูฟังไร้สาย Creative Outlier Air ▲▲

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ SHOPEE

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ LAZADA​

……..

แบรนด์ Creative เป็นแบรนด์ที่มีสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ IT ที่หลากหลาย และส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดเสียง เช่น Speakers, Headphones เป็นต้น แน่นอนว่าทาง Creative เองก็ได้พัฒนาตัวหูฟัง Wireless ไร้สายของตัวเองขึ้นมาเพื่อเข้ามาแข่งขันในตลาดหูฟังไร้สาย พบกับ Creative Outlier Air ที่ทาง Creative ภูมิใจนำเสนอ

ด้วยดีไซน์ทำได้ออกมาดูเรียบง่าย แต่มีประโยชน์ใช้สอยได้อย่างลงตัว ตัวหูฟังเป็นแบบ in-ear สีดำ ที่มาพร้อมด้วยปลายหูซิลิโคนแบบนิ่ม ให้ความสบายเวลาใส่เข้าไปในรูหู และเพียงแค่บิดเบา ๆ ให้แน่น เท่านี้ก็สามารถป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้เกือบ 100% ส่วนตัวเคสก็มีสีดำเช่นกัน มีไฟ LED คอยบอกสถานะพลังงาน เวลาเปิดเคสไม่ได้เปิดเหมือนแบรนด์ทั่วไปที่เปิดแบบดันขึ้น แต่ตัวนี้จะเป็นแบบดันออกด้านข้าง ให้ความรู้สึกที่แปลกออกไปเช่นกัน และตัวหูฟังของทาง Cretive เองจะมีสองสีให้เลือก คือ สีดำและสีทองแชมเปียน โดยที่ตัวสีทองจะราคาแพงกว่า มีคุณสมบัติมากกว่าตัวสีดำ

ทางด้านคุณภาพเสียงของ Creative Outlier Air ตัวนี้จัดมาด้วย Driver ขนาด 5.6 มม. ทำมาด้วยวัสดุแกรฟีนที่เป็นวัสดุนาโนที่บางและมีความแข็งกว่าแผ่นกระดาษ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กและเป็นตัวนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดง อีกทั้งยังใช้พลังงานน้อยแต่ให้คุณภาพเสียงที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงกลางหรือเสียงเบส มั่นใจในความคมชัดของเสียงได้เลย มาพร้อมกับระบบ Bluetooth 5.0 ที่สนับสนุนเสียงแบบ aptX และ AAC การเชื่อมต่อไม่มีสะดุดและเสียงไม่ขาดหายแน่นอน

แล้วทางด้านแบตเตอรี่ของทาง Creative Outlier Air ก็ทำออกมาได้ดี โดยที่แค่จากตัวหูฟังเอง สามารถฟังเพลงได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง ขับรถฟังเพลงจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้สบาย ๆ ส่วนตัวเคสก็สามารถชาร์จไฟให้หูฟังได้ถึง 20 ชั่วโมง ชาร์จไฟให้หูฟังได้สองรอบ และตัวหูฟังนี้มาพร้อมกับการกันน้ำ IPX5 ช่วยในการกันเหงื่อได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใช้ระหว่างออกกำลังกายอีกด้วย

ราคาโดยประมาณ 3,000 บาท น้ำหนักหูฟังข้างละ 5.5g น้ำหนัก charging case 54g การตอบสนองความถี่ N/A แบตเตอรี่ของหูฟัง 10 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของเคส 20 ชั่วโมง รูปแบบเสียงที่สนับสนุน aptX, AAC Wireless range 10 เมตร บทสรุป หูฟัง Creative Outlier Air เป็นหูฟังที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในอินเทอร์เน็ต มีคะแนนรีวิวที่สูงมากตามเว็บไซต์กูรูด้านหูฟัง และยังได้รับการโหวตให้เป็น หูฟัง Best All Around ที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับปัจจัยทางด้านคุณภาพและราคาที่ไม่แพงเลย ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับคนที่อยากจะลองเริ่มเล่นหูฟังไร้สายที่ไม่อยากให้กระเป๋าตังค์แฟบมากนัก ….

▼▼ หูฟังไร้สาย Cambridge Audio Melomania 1 ▲▲

….

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ SHOPEE

ช้อปออนไลน์​ได้ที่​ LAZADA​

……..

แบรนด์ Cambridge Audio เป็นแบรนด์จากอังกฤษ มีประวัติมายาวนาน และมีชื่อเสียงสำหรับเครื่องเสียงแบบ High-end ถ้าชอบเล่นเครื่องเสียง น่าจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้กันมาบ้างแล้ว ตอนนี้ทางแบรนด์ได้ลงมาเล่นในวงการหูฟังแบบไร้สายด้วย หูฟังรุ่นนี้เป็นหูฟังที่ทาง Cambridge ออกแบบมาได้แบบกะทัดรัด เล็ก พกพาได้สะดวก หูฟังมีน้ำหนักเบาสุด ๆ เพียงแค่ข้างละ 4.6 กรัม ตัวดีไซน์ดูทันสมัยมาก มีสองสีคือดำและขาว ตัวเคสมีไฟ LED ที่ค่อยบอกระดับพลังงานสำรอง ทำให้เช็คได้เลยว่า ต้องใกล้ชาร์จหรือยัง

สำหรับคุณภาพเสียงของ Melomania 1 ทางแบรนด์กล่าวว่าด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานมากถึง 50 ปี และ การันตีด้วย Award-Winning British Audio Engineering มั่นใจในเรื่องของคุณภาพเสียงได้อย่างแน่นอน มาพร้อมด้วย Driver Graphene Enhanced ขนาด 5.8 mm ที่ให้เสียงตั้งแต่เบสที่ลึกที่สุดไปจนถึงเสียงสูงด้วยความคมชัดอย่างไม่น่าเชื่อ มาพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 และยังสนับสนุนรูปแบบเสียง aptX, AAC และ SBC ที่ตอบสนองทั้ง iPhone และ Android เมื่อฟังเพลงก็มั่นใจได้เลยว่าเสียงเพลงดัง ฟังชัด และมีดีเทล

ทางด้านแบตเตอรี่ แบรนด์ Cambridge Audio ก็อัดมาให้อย่างจุใจ โดยที่ตัวหูฟังเมื่อชาร์จเต็มจะสามารถฟังได้นานถึง 9 ชั่วโมง ส่วนตัวเคสก็ยังสามารถเก็บกักพลังงานได้นานถึง 36 ชั่วโมง ถ้ารวมกันทั้งหูฟังและเคสแล้ว ฟังได้นานถึง 45 ชั่วโมง ส่วนทางด้านฟังก์ชันเด่น ๆ คือ ทั้งตัวหูฟังและเคสสามารถกันน้ำได้ที่ IPX5 กันเหงื่อกันน้ำได้เป็นอย่างดี และฟังก์ชัน VOICE CALLS & ACTIVE NOISE CANCELLING ที่ช่วยให้การพูดคุยได้อย่างลื่นไหล ไม่โดนรบกวนจากเสียงภายนอก

ราคาโดยประมาณ 4,000 – 5,000 บาท น้ำหนักหูฟังข้างละ 4.6g น้ำหนัก charging case 37g การตอบสนองความถี่ 10-19,000Hz แบตเตอรี่ของหูฟัง 8 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของเคส 24 ชั่วโมง รูปแบบเสียงที่สนับสนุน aptX, AAC และ SBC Wireless range 30 เมตร

บทสรุป

Cambridge Audio Melomania 1 เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่เน้นความคุ้มค่า และชอบเสียงคุณภาพดี เน้นเสียงโดยเฉพาะ และแบตเตอรี่ที่ยาวนานมาก ถึง 9 ชั่วโมง ฟังเพลงวนไปครับ และราคาไม่แพงมากเท่ากับแบรนด์อื่น แต่ถ้าเทียบคุณภาพของหูฟังกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มมาก